กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา

5 เคล็ดลับทำให้ผ่านโปรอย่างมีประสิทธิภาพอย่างไรให้เจ้านายรัก


Responsive image

5 เคล็ดลับทำให้ผ่านโปรอย่างมีประสิทธิภาพอย่างไรให้เจ้านายรัก

                หากคุณเป็นนักศึกษาจบใหม่ หรือคนทำงานที่เพิ่งจะเปลี่ยนงานและกำลังอยู่ช่วงเวลา “ทดลองงาน” ซึ่งโดยปกติแล้ว บริษัทหลายๆที่จะมีเกณฑ์การผ่านโปรในระยะเวลาประมาณ​ 3-4 เดือน และหากคุณกำลังมองหาวิธีผ่านโปรอย่างมีประสิทธิภาพอย่างไรให้เจ้านายรัก ตามมาอัพเดตในบทความนี้ได้เลยค่ะ มาทำช่วงเวลาทองนี้ให้เป็นเวลาสำคัญที่จะทำให้เจ้านายตัดสินใจจ้างหลังจากพ้นช่วง Probation กันเถอะ

1.แสดงศักยภาพเต็มที่

                สิ่งที่ต้องทำคือ ต้องทำความเข้าใจกับรายละเอียดงานของเราที่ได้รับมอบหมายอย่างถ่องแท้ ทำงานของตัวเองออกมาให้ดีที่สุด แสดงศักยภาพของตัวเองให้เต็มที่และอย่าลืมพัฒนาฝีมือของตนเองเสมอโดยการถาม feedback จากเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน เพื่อนำมาปรับปรุงเนื้องานของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น

2.ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน

                การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนในการผ่านโปรอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการสร้างแรงจูงใจและเป็นการกระตุ้นให้เรามีความมุ่งมั่นในการผ่านโปรให้ได้และผ่านโปรได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย กล่าวคือ การตั้งใจที่จะผ่านโปรจะทำให้การทดลองงานมีวิธีการไปถึงความสำเร็จได้ไวขึ้น

3.สร้าง First Impression ที่ดี

                เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการสร้าง First Impression เป็นสิ่งที่สำคัญ ทั้งในการทำให้เจ้านาย และเพื่อนร่วมงานประทับใจทั้งในเรื่องของบุคลิคภาพ การแต่งตัวต้องเรียบร้อยเหมาะสม และเรื่องกฎเกณฑ์ต่างๆของบริษัทต้องรักษาให้ดี เช่น กฎการขาด ลา มาสายที่ไม่ควรจะละเลย ควรมีเหตุผลที่เหมาะสมมากพออีกด้วย

4.โชว์ศักยภาพให้ผู้อื่นเห็น

                นอกจากนี้ หากเรารับผิดชอบงานของตัวเองได้ดีแล้ว เราอาจจะสร้างโอกาสให้ตัวเองได้แสดงศักยภาพให้ผู้อื่นได้เห็นด้วยเช่นกันด้วยการอาสาช่วยงานของเพื่อนร่วมงานแต่อยู่ในขอบเขตความสามารถขของตนเอง เพื่อที่จะแสดงจุดแข็งของเราให้เพื่อนร่วมงานและเจ้านายได้เห็น

5.เข้ากับวัฒนธรรมองค์กร

                เพราะนอกจากจะทำงานเก่งแล้ว หากอยากผ่านโปรแบบเจ้านายปลื้มเป็นพิเศษนั้น ห้ามพลาดที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมองค์กรนั้นๆด้วย เหตุผลก็คือ หากผ่านโปรไปแล้ว การทำงานในองค์กรใดองค์กรหนึ่งจำเป็นจะต้องมีความอินกับวัฒนธรรมองค์กรหากต้องการจะเติบโตไปยาวๆ คนที่เข้ากับวัฒนธรรมนั้นย่อมมีแนวโน้มจะโตได้ไวมากกว่า

                ทั้ง 5 เคล็ดลับนี้ก็จะเป็นเคล็ดลับการผ่านโปรอย่างมีประสิทธิภาพที่ไม่ว่าใครที่กำลังอยู่ในช่วงทดลองงานควรจะลองทำตาม เพื่อการผ่านโปรได้อย่างราบรื่นและเกิดประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง

cr : jobtopgun.com


10 ก.พ. 2565 | อ่าน 1363 ครั้ง


เรื่องน่ารู้อื่นๆ

Responsive image

5 เหตุผลทำไมคนทำงานยุค 5G ต้องมีทักษะ Reskill & Upskill!

                เพราะโลก 5G มันหมุนไวในทุกนาที ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่าทุกองค์กรไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ล้วนต้องอาศัยการปรับตัวทั้งนั้นเพื่อให้อยู่รอดกัน เช่นเดียวกันกับคนทำงานทุกคน ที่ต้องมีทักษะ Reskill และ Upskill สองอันนี้ควบคู่กันไป เพราะในอนาคต หากฝีมือการทำงานเราไม่มีการพัฒนา แน่นอนว่าสักวันจะต้องถูกแย่งงาน หรือถูกแทนที่ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ บทความนี้จะชี้ให้เห็น 5 เหตุผลทำไมคนยุค 5G ต้องมี 2 ทักษะนี้ ซึ่งทักษะแรก คือ การพัฒนาทักษะตัวเองจากทักษะเดิมที่มี เช่น เรียนรู้เทคโนโลยีเพิ่มเติม ส่วน Reskill คือ การสร้างทักษะใหม่เพื่อไปใช้กับบริบทอื่นของตำแหน่งงานเพื่อตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่นั่นเอง

1.ตอบโจทย์เทรนด์อนาคต

                เนื่องจากมีหลายๆสำนักได้คาดการณ์ไว้ว่าอนาคตจะมีการโยกย้าย หรือมีงานอื่นๆเข้ามาทดแทนมากถึง 75 ล้านตำแหน่งภายในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ประกอบกับมีการคาดไว้ว่าจะมีเทคโนโลยีและดิจิตอลเข้ามาขับเคลื่อนการในโลกแห่งการทำงานที่เกือบจะ 100%  รู้แบบนี้ หากไม่มี 2 ทักษะที่ว่า คุณก็อาจจะไม่ได้ไปต่อก็ได้นะคะ

2.พนักงานที่มีคุณค่าใครๆต้องการตัว

                หากอยากเป็นพนักงานทรงคุณค่าที่ใครๆต่างต้องการตัวและรู้เท่าทันโลกนั้น การ Upskill และ Reskill จึงเป็นอาวุธสำคัญที่จะต้องมี เพราะหากคุณพัฒนาตนเองเสมอ พร้อมมีทักษะที่โลก 5G ต้องการ ถึงแม้จะเข้ามาทำงานนานเท่าไหร่ก็ตามก็ยังสามารถนำพาองค์กรไปข้างหน้าได้

3.ก้าวไปล้ำหน้าคู่แข่ง

                เพราะอุตสาหกรรมมักจะมีกลยุทธ์ในการทำธุรกิจที่น่าตื่นตาตื่นใจ รวมไปถึงการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ ลองจินตนาการว่าหากองค์กรของเราถูกขับเคลื่อนด้วยพนักงานที่มีศักยภาพจากการ Reskill และ Upskill ตัวเองแล้วสามารถพัฒนาองค์กรให้ขับเคลื่อนไปได้ไวล้ำหน้าคู่แข่งอีกด้วย

4.ค้นพบความสามารถใหม่ๆ

                เพราะการ Reskill และ Upskill จะช่วยให้พนักงานแต่ละคนได้ความรู้ใหม่ๆติดตัว และมีโอกาสค้นพบความสามารถใหม่ๆที่ซ่อนอยู่ และสามารถทำประโยชน์ให้องค์กรได้มากกว่าเดิมโดยที่บริษัทไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานหลายๆคน แต่มีเพียงพนักงานคนเดิมที่ได้ทักษะใหม่ๆติดตัวนั่นเอง

5.ยกระดับฐานเงินเดือน

                ปัจจุบันหลายองค์กรทั่วโลกเปิดกว้างเรื่องการพนักงานที่แม้ทำงานไม่ตรงกับสายงานที่เรียนมา แต่ได้ใช้ทักษะ Reskill และ Upskill การทำงานที่นอกเหนือจากสิ่งเราเรียนจบมาก็เป็นเรื่องง่าย เพราะจะมีการพัฒนาและหมั่นปรับปรุงทักษะอยู่เสมอและยังมีโอกาสสามารถยกระดับฐานเงินเดือนได้อีกด้วย

                ดังนั้น หากอยากจะอยู่รอดในยุค 5G ที่เทคโนโลยีเป็นบทบาทสำคัญนั้น คนทำงานทุกคนต้องรีบ Reskill และ Upskill กันเถอะค่ะ

cr : jobtopgun.com

26 ม.ค. 2565

Responsive image

5 วิธีจัดการงานแบบมือโปรอย่างไรไม่ให้งานล้นมือ

                ไหนใครเคยประสบปัญหาทำงานไม่ทันบ้างคะ? รับรองว่ามนุษย์เงินเดือนอาจจะเคยเจอกับปัญหานี้บ่อยๆ จนอาจทำให้กลับบ้านดึกๆดื่นๆ หรือต้องทำ OT กันให้วุ่นวายจนมีเวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้น บทความนี้จะมาบอกถึงวิธีการจัดการงานแบบมือโปรอย่างไรไม่ให้งานล้นมือ ซึ่งมี 5 วิธีให้ทำตามกันดังนี้ค่ะ

1.เรียงลำดับความสำคัญ

                การเรียงลำดับความสำคัญของงานก่อน หลัง มักจะเป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้การเคลียร์งานเป็นไปได้อย่างง่ายขึ้น เพราะเมื่อคุณมีงานที่ล้นมือ ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี วิธีเรียงลำดับความสำคัญจึงเป็นอีกทางที่จะช่วยให้คุณเคลียร์งานได้เสร็จตามลำดับก่อน หลังและไม่ลนอีกต่อไป

2.ทำ To-do-list 

                ต่อจากข้อแรกที่บอกไว้เรื่องการเรียงลำดับความสำคัญของงาน สิ่งที่ควรทำต่อคือ การทำ To-do-list โดยละเอียดว่าแต่ละงานมีขั้นตอนต้องทำงานส่วนไหนบ้าง ซึ่งการเขียน To-do-list ก็จะเป็นการเคลียร์งานในแต่ละวันให้เสร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

3.ตั้งเป้าหมายในแต่ละวัน

                นอกจากนี้ การตั้งเป้าหมายการเคลียร์งานในแต่ละวัน ก็จะเป็นการทำให้บรรยากาศในการทำงานของตัวเองไม่น่าเบื่ออีกต่อไป เพราะมีเป้าหมายในแต่ละวันกำหนดไว้นั่นเอง โดยการตั้งเป้าหมายในแต่ละวันควรเป็นอะไรที่อิงพื้นฐานความเป็นไปได้ หรือ งานไหนที่เริ่มลงมือทำไปแล้วใกล้เสร็จ อาจจะตั้งเป้าหมายในแต่ละวันได้ว่าอยากจะมีภารกิจในการเคลียร์งานให้เสร็จจำนวนเท่าไหร่

4.รักษา life-balance ด้วย

                หากเราเคลียร์งานไม่เสร็จแล้วแบกมาทำต่อที่บ้านบ่อยๆจนเป็นเรื่องปกติ อาจทำให้องค์กรคิดว่าคุณบริหารจัดการเวลาทำงานได้ไม่ดี เพราะชั่วโมงทำงานก็ควรจะเคลียร์งานให้เสร็จ ไม่ควรจะแบกเอางานมาทำต่อที่บ้านจนทำให้ Work and Life Balance เสียไปนั่นเอง

5.ทำทันที

                คาถาที่จะทำให้การเคลียร์งานเสร็จได้ไวก็คือการ “ทำทันที” เนื่องจาก สาเหตุที่ทำให้พนักงานมีงานล้นมือ ก็คือ การผัดวันประกันพรุ่งนั่นเอง ดังนั้น การปั่นงานใน last minute และการเลื่อน deadline ไปเรื่อยๆจะไม่เกิดขึ้นหากเราปรับทัศนคติในการทำงานทีต้องทำงานชิ้นนั้นทันที เพื่อเตรียมตัวรับงานหรือความท้าทายใหม่ๆที่จะตามมานั่นเอง

                สำหรับใครที่งานล้นมือ ลองนำเอา 5 เทคนิคนี้ไปใช้ รับรองว่าจะช่วยให้คุณบริหารจัดการการทำงานได้อย่างดีขึ้นและงานเสร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจได้อย่างแน่นอน

cr : jobtopgun.com

25 ม.ค. 2565

Responsive image

5 How to เพิ่มเงินเดือนอย่างไรโดยไม่ต้องเปลี่ยนงาน

                เพราะหลายๆคนหรือมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายมักจะมีเป้าหมายที่จะอยากได้เงินเดือนเยอะๆ เพื่อซัพพอร์ตกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นในเศรษฐกิจยุคโควิดแบบนี้ แต่มีการเข้าใจผิดที่หลายๆคนเจอ คือ การเข้าใจว่าการเลือกเปลี่ยนงานเพื่อให้ได้เงินเดือนที่สูงขึ้นจะเป็นวิธีเดียวที่จะเพิ่มเงินเดือน แต่จริงๆแล้ว มีอีกหลายวิธีเพิ่มเงินเดือนอย่างไรโดยไม่ต้องเปลี่ยนงาน รวมไปถึงบทความนี้จะมาบอกถึง 5 How to เพิ่มเงินเดือนอย่างไรโดยไม่ต้องเปลี่ยนงาน

1.รับผิดชอบงานที่หลากหลาย

                หากไม่รู้จะเริ่มตรงไหน อาจจะต้องเริ่มจากการหาความรับผิดชอบที่มากขึ้นด้วยการอาสาของานจากหัวหน้าที่มากขึ้น เพื่อให้ตัวเองได้แสดงศักยภาพออกมาได้มากขึ้นนั่นเอง แต่อย่าลืมว่าจะต้องรับผิดชอบงานของตัวเองให้ดีอีกด้วย โดยการอาสาช่วยงานหรือความรับผิดชอบที่อยากจะมีมากขึ้นก็เป็นแสดงความกระตือรือร้นในการรับผิดชอบงานที่หลากหลายมากขึ้น

2.โชว์ผลงานให้เจ้านายเห็น

                หากไม่แสดงให้เจ้านายหรือคนที่พิจารณาการเลื่อนขั้นได้เห็นว่าผลงานของเรามีดีอย่างไร เราก็อาจจะไม่ได้รับการเพิ่มเงินเดือนมากขึ้นอย่างที่คาดคิด ดังนั้น ลองมองหาวิธีที่จะแสดงผลงานให้เจ้านายเห็น อาจจะผ่านทาง Performance Record ประจำรายสัปดาห์หรือรายเดือนก็จะทำให้เจ้านายได้รับรายงานความคืบหน้าอยู่ตลอดเวลา

3.Reskill & Upskill

                ทั้ง 2 ทักษะการ Reskill หรือวิธีที่เพิ่มเติมทักษะใหม่ๆให้ตัวเองที่นอกเหนือจากที่ตัวเองมีอยู่ หรือการ Upskill หรือการพัฒนาทักษะโดยการเรียนรู้วิธีการทำงานใหม่ๆ เพื่อให้การดำเนินงานที่ทำอยู่ให้แตกต่างจากเดิม ดังนั้น หากพนักงานคนเก่าที่มีทักษะการ Reskill & Upskill ทางบริษัทก็จะต้องการตัวมากขึ้น และการเพิ่มเงินเดือนก็จะเป็นไปได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

4.ศึกษาเพิ่มเติมเพื่อปรับฐานเงินเดือน

                การเรียนต่อระดับปริญญานั้น ในบางบริษัทอาจจะถือว่าเป็นอีกปัจจัยในการพิจารณาเพิ่มเงินเดือนอีกด้วย ดังนั้น หากมีโอกาสที่จะเรียนต่อในด้านสาขาที่คุณจบมาหรือสาขาที่จะมาช่วยพัฒนาองค์กรในอนาคตก็ควรจะเลือก เพราะเป็นอีกวิธีที่องค์กรจะปรับฐานเงินเดือนของคุณขึ้นได้แน่นอน

5.เลือกองค์กรที่ถูกต้อง

                เรียกได้ว่าเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินเดือนแต่ละปีของคุณเพิ่มขึ้นได้ นั่นคือ การเลือกองค์กรที่มีนโยบายด้านสวัสดิการและมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ผลประกอบการดี และมีนโยบายการเพิ่มเงินเดือนระบุไว้อย่างชัดเจน เพราะหากบริษัทที่เราเลือกทำงานนั้นไม่มีโอกาสโต การขึ้นเงินเดือนก็อาจจะเป็นเรื่องยากขึ้นอีกด้วย

                ทั้ง 5 How to เพิ่มเงินเดือนอย่างไรโดยไม่ต้องเปลี่ยนงานนี้ รับรองว่าเป็นเทคนิคที่พนักงานบริษัทสามารถนำไปปฏิบัติตามได้ รับรองว่าเพิ่มเงินเดือนได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนงานกันเลยค่ะ

cr : jobtopgun.com

25 ม.ค. 2565


ย้อนกลับ

  Banner :: แบนเนอร์


  Link